มีคนร้องว่าขโมยจึงยินปืนไปโดยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511

ป.วิ.พ. มาตรา 89 วรรค สอง

ป.อ. มาตรา 62, 68, 69

ป.วิ.อ. มาตรา 15, 176

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288.แม้จำเลยจะรับสารภาพ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง. จึงจะพิพากษาลงโทษได้.

จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง. แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ.

เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน. จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน. ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท. เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด. จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย. จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย. โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน. พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง. ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว. และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว. ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้. จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน. เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด. ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62.

___________________________

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยยิงผู้ตายโดยสำคัญผิดให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 62 จำคุก 4 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพตามมาตรา 78 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิดพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าคนร้าย มิได้กระทำไปโดยประมาทการกระทำของจำเลย โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งจำคุกอย่างต่ำถึง 15 ปี แม้จำเลยจะรับสารภาพ ศาลก็ต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษาลงโทษได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลไม่ควรรับฟังคำเบิกความของจำเลยเพราะจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในข้อนั้นไว้ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรค 2 บัญญัติให้คู่ความฝ่ายที่สืบพยานก่อน ชอบที่จะคัดค้านกรณีเช่นนี้ไว้ แล้วให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับฟังคำพยานเช่นว่ามานั้น แต่คดีนี้ไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้โต้แย้งข้อนำสืบของจำเลยข้อนี้ไว้ในรายงานพิจารณาความ หรือโจทก์ยื่นคำแถลงโต้แย้งไว้ในสำนวน ฉะนั้น จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ ที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันหรือหากฟังว่าเป็นการป้องกันก็เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เห็นว่าการที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่ จำต้องพิเคราะห์ถึงเรื่องภยันตรายตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 ว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นได้มีขึ้น และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงแล้วหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงคดีนี้ฟังได้ว่า นายหวนได้รับข่าวว่าจะมีคนร้ายมาปล้นบ้านนายหวนไปต่างจังหวัดจึงได้ให้จำเลยและนายปรีชาบุตรชายนอนเฝ้าที่ใต้ถุนเรือนห่างลานนวดข้าวประมาณ 5 วา มอบปืนลูกซองยาว 1 กระบอกไว้ป้องกัน ขณะเกิดเหตุ 5.00 นาฬิกา ยังมืดสนิทซึ่งเป็นเวลาวิกาลนายฟักผู้ตายกับพวกรวม 3 คนพากระบือลากเลื่อนมาที่บ้านนายหวนผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านแถวลานนวดข้าวนั้น ขณะนั้นสุนัขเห่าเสียงดังลั่นไปหมด จำเลยตกใจตื่นขึ้นได้ยินเสียงนายปรีชาร้องว่าขโมย จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตาย โดยจำเลยมีความรู้สึกขณะยิงปืนไปว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาในบ้านจะมาปล้นบ้านปล้นข้าวฟ่อนของนายหวน พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นได้มีขึ้นแล้ว และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว เพราะคนร้ายได้มาถึงประตูรั้วบ้านและเข้ามาในบ้าน ฉะนั้น การที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลย และเพื่อป้องกันทรัพย์ให้นายหวน เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความสำคัญผิด กล่าวตามหลักเรื่องป้องกันแล้วภยันตรายที่จำเลยจะใช้สิทธิป้องกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 นั้น จะต้องเป็นภยันตรายที่ได้เกิดขึ้นได้มีขึ้นจริง การวินิจฉัยกรณีสำคัญผิดคดีนี้จำต้องไปอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติไว้ใจความว่าถ้าข้อเท็จจริงใด แม้จะไม่มีอยู่จริง แต่ถ้าผู้กระทำผิดสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง กฎหมายให้ถือว่าข้อเท็จจริงนั้นได้มีอยู่จริง กล่าวคือภยันตรายนั้นแม้จะไม่มีอยู่จริงก็ให้ถือว่าภยันตรายนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว และมีอยู่จริงตามที่จำเลยสำคัญผิด ซึ่งในคดีนี้ก็ต้องถือว่าได้มีคนร้ายมาปล้นบ้าน ปล้นข้าวฟ่อนของนายหวนและอาจจะทำร้ายตัวจำเลยด้วย คดีฟังได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไปเป็นการป้องกันและเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

(ปันโน สุขทรรศนีย์-อดุล รัตนปิณฑะ-บัญญัติ สุขารมณ์)

แหล่งที่มา

กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US