ไม่เป็นเบิกความเท็จเพราะกฎหมายยกเลิก

ไม่เป็นเบิกความเท็จเพราะกฎหมายยกเลิก
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาในคดีก่อนกฎหมายเดิมได้ยกเลิกเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์ ดังนั้นคำเบิกความเท็จในคดีเดิมไม่เป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอันเป็นข้ออ้างให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จอีกต่อไป คำเบิกความของจำเลยคดีก่อนจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2540

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ทั้งสองออกเช็คพิพาทให้ส.ยึดถือไว้แทนสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์ที่1กู้ยืมเงินไปจากส.แต่จำเลยเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาที่ส.ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497ว่าโจทก์ทั้งสองออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากจำเลยอันเป็นการออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อชำระหนี้ซึ่งหากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์ทั้งสองฟ้องคำเบิกความของจำเลยย่อมเป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยย่อมมีความผิดฐานเบิกความเท็จแต่เนื่องจากในขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497ซึ่งเป็นกฎหมายในคดีเดิมที่โจทก์ทั้งสองนำมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วมีพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดการใช้เช็คพ.ศ.2534ออกมาใช้บังคับแทนปรากฎว่ากฎหมายฉบับใหม่ที่ออกภายหลังการออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายแต่กรณีการออกเช็คพิพาทแล้วแลกเงินสดมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4 ดังนี้คำเบิกความของจำเลยในคดีนั้นจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีนี้อันจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
________________________________


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1148/2532 หมายเลขแดงที่ 1520/2532 ของศาลชั้นต้น ระหว่างนายสมศักดิ์ เหล่าวรวิทย์ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามนานาก่อสร้าง ที่ 1 นายลิขิต นิ่มตระกูล ในฐานะส่วนตัวที่ 2 จำเลย ตอบทนายโจทก์ตอนหนึ่งว่า จำเลยที่ 2 นำเช็คมาเปลี่ยนเป็นเช็คฉบับที่ฟ้อง โดยประทับตราจำเลยที่ 1 ลงชื่อจำเลยที่ 2(ซึ่งเป็นโจทก์ทั้งสองคดีนี้ตามลำดับ) เป็นผู้สั่งจ่าย ยืนยันว่าถึงวันที่ลงในเช็คให้เรียกเก็บเงินได้ ก่อนเช็คถึงกำหนดจำเลยนำเช็คฉบับนี้ไปชำระหนี้ให้นายสมศักดิ์เป็นค่าช่วยซื้อที่ดินจากนายสถิตย์ ที่จังหวัดอยุธยา อันเป็นความเท็จ คำเบิกความดังกล่าวของจำเลยว่าโจทก์ทั้งสองได้ออกเช็คฉบับที่ฟ้องมาเปลี่ยนกับจำเลยเมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2531 ก่อนเช็คถึงกำหนดจำเลยนำไปชำระหนี้ให้นายสมศักดิ์ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจึงแสดงว่าโจทก์ทั้งสองกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ซึ่งความเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีนี้ หากศาลชั้นต้นเชื่อคำเบิกความของจำเลยก็จะต้องฟังว่าโจทก์ทั้งสองกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 และพิพากษาลงโทษโจทก์ทั้งสอง ความจริงแล้วโจทก์ทั้งสองออกเช็คดังกล่าวให้นายสมศักดิ์ยึดถือไว้แทนสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์ที่ 1 กู้ยืมเงินไปจากนายสมศักดิ์ ไม่ใช่ออกเช็คชำระหนี้ให้แก่จำเลยซึ่งจำเลยรู้ดีอยู่แล้ว แต่กลับเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล เหตุเกิดที่ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรีจังหวัดนนทบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สอง อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาทจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวสักครั้ง จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ทั้งสองหรือไม่ เมื่อพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองประกอบกับคำเบิกความของจำเลยตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 แล้ว โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ทั้งสองออกเช็คพิพาทให้นายสมศักดิ์ เหล่าวรวิทย์ ยึดถือไว้แทนสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์ที่ 1 กู้ยืมเงินไปจากนายสมศักดิ์ แต่จำเลยเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1520/2532ของศาลชั้นต้นซึ่งนายสมศักดิ์ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 ว่า โจทก์ทั้งสองออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากจำเลยอันเป็นการออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อชำระหนี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าหากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์ทั้งสองฟ้องคำเบิกความของจำเลยย่อมเป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยย่อมมีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากในขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นกฎหมายในคดีเดิมที่โจทก์ทั้งสองนำมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว มีกฎหมายฉบับใหม่ คือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534ออกมาใช้บังคับแทน ปรากฎว่ากฎหมายฉบับใหม่ที่ออกภายหลังการออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย แต่กรณีการออกเช็คพิพาทแล้วแลกเงินสดมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยในคดีนั้น จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีอันจะเป็นความผิดฐานเบิกความจริง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 สำหรับประเด็นข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาลงโทษจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น"

พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง

( ไพฑูรย์ แสงจันทร์เทศ - จองทรัพย์ เที่ยงธรรม - ธวัชชัย พิทักษ์พล )

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US