ฟ้องเคลือบคลุมฐานเบิกความเท็จ

ฟ้องเคลือบคลุมฐานเบิกความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่เบิกความเป็นข้อสำคัญ แต่ก็ไม่ได้บรรยายว่าข้อสำคัญนั้นเป็นอย่างไร คำฟ้องของโจทก์ข้อหาเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีไม่ชัดแจ้งเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ประเด็นที่ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2539

แม้คำฟ้องของโจทก์จะบรรยายว่าจำเลยทั้งสี่เบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญแต่ก็ไม่ได้บรรยายว่าข้อสำคัญนั้นเป็นอย่างไรจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
________________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 177, 264, 265

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฎิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลย ทั้ง สี่ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำฟ้องของโจทก์ข้อหาเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลเป็นคำฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องข้อหานี้โดยสรุปว่าจำเลยที่ 1 ได้เบิกความข้อหากู้ยืมเป็นข้อสำคัญว่า "เมื่อวันที่ 1สิงหาคม 2534 จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์เป็นเงิน 320,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยเดือนละครั้งภายในวันที่ 1 ของเดือน สัญญากู้ยืมมีนางส่วน เป็นผู้เขียนและเป็นพยานพร้อมกับนายเคลื่อน " จำเลยที่ 2 เบิกความเป็นข้อสำคัญว่า"ข้าฯ เป็นผู้เขียนสัญญากู้หมาย จ.1 ระบุว่าจำเลยกู้ยืมเงินให้โจทก์ 320,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ชำระภายในวันที่1 ของทุกเดือน นอกจากนี้ยังมีนายเคลื่อน เป็นพยานด้วย"จำเลยที่ 3 เบิกความเป็นข้อสำคัญว่า "เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2534ข้าฯ ได้ไปหาโจทก์เพื่อขอกู้ยืมเงินพบโจทก์จำเลยได้ความว่าจำเลยมายืมเงินโจทก์เช่นกัน และในวันดังกล่าวจำเลยขอ น.ส.3 คืนจากโจทก์ ก็เพื่อนำไปจำนองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์นางส่วนเป็นคนเขียนสัญญากู้ฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2534"จำเลยที่ 4 เบิกความเป็นข้อสำคัญว่า "เมื่อวันเดือนปีใดจำไม่ได้โจทก์ได้ไปติดต่อขอกู้ยืมเงินจากข้าฯ จำนวน 320,000 บาทได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ข้าฯ ยึดถือไว้เป็นประกันข้าฯ ได้ไปเบิกเงินที่ฝากไว้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาปัตตานี โจทก์ให้ดอกเบี้ยแก่ข้าฯ เดือนละ 2,000 บาท โจทก์เป็นคนเขียนสัญญากู้" ดังนี้จะเห็นได้ว่า แม้คำฟ้องของโจทก์จะได้บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่เบิกความเป็นข้อสำคัญ แต่ก็ไม่ได้บรรยายว่าข้อสำคัญนั้นเป็นอย่างไร คำฟ้องของโจทก์ข้อหาเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีไม่ชัดแจ้งเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยทั้งสี่มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้าง แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วประเด็นที่ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา"

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องข้อหาเบิกความเท็จเสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

( สมปอง เสนเนียม - ผล อนุวัตรนิติการ - จารุณี ตันตยาคม )

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US