ถอนคืนการให้-หมิ่นประมาทร้ายแรง

ถอนคืนการให้เพราะเรียกผู้ให้ว่า อีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกู เป็นหมิ่นประมาทร้ายแรงหรือไม่?
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา การเรียกโจทก์ว่าอีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้ โจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้เพียงใด? ได้ความว่า ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินไว้แก่ผู้อื่น ดังนั้นเมื่อถอนคืนการให้ ก็ต้องส่งคืนทรัพย์ว่าด้วยลาภมิควรได้ ซึ่งต้องคืนที่ดินแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2553

ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา จำเลยเรียกโจทก์ว่า อีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้

ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่น เมื่อถอนคืนการให้ จำเลยต้องส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ โดยคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 413 วรรคหนึ่งและมาตรา 534
________________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ถอนคืนการให้และบังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมบ้านเลขที่ 8 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี แล้วโอนที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวและที่ดินโฉนดเลขที่ 5934 เฉพาะส่วนของจำเลย พร้อมบ้านเลขที่ 189 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี กลับคืนเป็นของโจทก์ และส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ระหว่างอุทธรณ์ของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกนายสุประภพ ทายาทของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งตั้งผู้ถูกเรียกเป็นคู่ความแทน

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยด่าโจทก์เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2546 โดยโจทก์มีเด็กหญิงนพเก้า เป็นพยานเบิกความว่า นายธงชัย นำหนังสือโป๊มาให้พยานดูเมื่อเดือนธันวาคม 2545 จากนั้นเมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2546 นายธงชัยชวนพยานไปดูวีซีดีโป๊ พยานจึงเล่าเรื่องดังกล่าวให้โจทก์ฟังและนายธงชัยหนีออกจากบ้านไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 พยานได้ยินจำเลยด่าโจทก์เมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2546 และโจทก์มีนางสาวไพรวัลย์ เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 โจทก์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พยานฟัง พยานจึงไปเล่าเรื่องให้จำเลยฟังอีกต่อหนึ่ง นายธงชัยออกจากบ้านไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2546 จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่าเมื่อประมาณต้นปี 2545 จำเลยทราบจากชาวบ้านว่าโจทก์ไปบอกชาวบ้านว่าจำเลยด่าว่าโจทก์ เห็นว่า โจทก์มีเด็กหญิงนพเก้าและนางสาวไพรวัลย์เป็นพยานมาเบิกความสนับสนุนกล่าวอ้างถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีโครงเรื่องเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล โดยจำเลยนำสืบเพียงว่ารับทราบข้อเท็จจริงจากผู้อื่นอันเป็นพยานบอกเล่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2546 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 533 วรรคหนึ่ง

ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของโจทก์ว่า ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา เรียกโจทก์ว่าอีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อต่อไปมีว่า โจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้เพียงใด ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่นและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 534 บัญญัติไว้ว่า “เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้ ดังนั้น จำเลยจึงต้องคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 413 วรรคหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ทั้งสองข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”

อนึ่ง เดิมโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ 200 บาท แต่คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา 210,000 บาท ค่าขึ้นศาลจึงมีเพียง 5,250 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเงิน 5,450 บาท เกินมา 200 บาท จึงไม่ถูกต้อง”

พิพากษากลับ ให้ถอนคืนการให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมบ้านเลขที่ 8 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และโฉนดเลขที่ 5934 เฉพาะส่วนของจำเลย พร้อมบ้านเลขที่ 189 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี โดยให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้ยกคำขออื่น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์


( สุรศักดิ์ สุวรรณประกร - ชำนาญ รวิวรรณพงษ์ - สุรพันธุ์ ละอองมณี )

มาตรา 413 เมื่อทรัพย์สินอันจะต้องคืนนั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากจำนวนเงินและบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นจำต้องคืนทรัพย์สินเพียงตามสภาพที่เป็นอยู่และมิต้องรับผิดชอบในการที่ทรัพย์นั้นสูญหายหรือบุบสลาย แต่ถ้าได้อะไรมาเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อการสูญหายหรือบุบสลายเช่นนั้นก็ต้องให้ไปด้วย
-----ถ้าบุคคลได้รับทรัพย์สินได้โดยทุจริต ท่านว่าจะต้องรับผิดชอบในการสูญหายหรือบุบสลายนั้นเต็มภูมิ แม้กระทั่งการสูญหายหรือบุบสลายจะเกิดเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรทรัพย์สินนั้นก็คงต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา 531 อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดั่งจะกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา หรือ
(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ
(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลา ที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

มาตรา 533 เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้วก็ดีหรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่
----อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสิบปีภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้น

มาตรา 534 เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US