ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฎีกาของจำเลยเพียงแต่โต้แย้งคัดค้านคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ มิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรและจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2552

พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์

ฎีกาของจำเลยเพียงแต่โต้แย้งคัดค้านคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ มิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรและจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาอุทธรณ์เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2 ซอง น้ำหนัก 0.530 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.518 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ

ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อย. 958/2550 ของศาลชั้นต้น ขอให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “รอสั่งในวันนัดพร้อม สำเนาให้จำเลย” แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลย ต่อมาวันที่ 11 เมษายน 2550 จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 4 ปี และปรับ 400,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี และปรับ 200,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ก่อนพิพากษาคดี เป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์และพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ทราบมาก่อนว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง หากจำเลยทราบแล้ว จำเลยก็คงจะไม่รับสารภาพ เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีทั้งโจทก์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อย.958/2550 ของศาลชั้นต้น ที่โจทก์อ้างว่าเพิ่งทราบว่าจำเลยถูกฟ้องในคดีดังกล่าวในวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องจึงไม่สมเหตุผล นั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเพียงแต่โต้แย้งคัดค้านคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ มิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรและจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกฎีกาของจำเลย
( วิรัช ชินวินิจกุล - สุทัศน์ ศิริมหาพฤกษ์ - ชูเกียรติ ตันทวีวงศ์ )

ป.วิ.อ. มาตรา 216
มาตรา 216 ภายใต้บังคับแห่ง มาตรา 217 ถึง มาตรา 221 คู่ความมี อำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่าย ที่ฎีกาฟัง
ฎีกานั้น ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้น และให้นำบทบัญญัติแห่ง มาตรา 200 และ มาตรา 201 มาบังคับโดยอนุโลม

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US