คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงก่อน จึงใช้อาวุธปืนยิงไปทางกลุ่มคนร้าย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4544/2531

ป.อ. มาตรา 68, 288

ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนโดยเจตนาที่จะลักทรัพย์ เมื่อจำเลยได้ยินเสียงสัญญาณป้องกันขโมยดังขึ้นจึงนำอาวุธปืนสั้นลงมาดู ก็ถูกฝ่ายผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงก่อนในระยะใกล้แม้กระสุนปืนไม่ถูกจำเลยก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าฝ่ายผู้ตายจะยิงซ้ำอีกหรือไม่ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางกลุ่มคนร้ายซึ่งมีผู้ตายอยู่ด้วยเพียงนัดเดียวในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินของตนให้พ้นภยันตรายอันเกิดจากการประทุษร้ายของผู้ตายกับพวกพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีความผิด

___________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 69 จำคุก 5 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ นายปรีชา ทรงแสงจันทร์ ผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตายในบริเวณบ้านของจำเลย ปรากฏรายละเอียดตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์และพนักงานสอบสวนเอกสารหมาย จ.7 ปัญหามีว่าจำเลยเป็นคนยิงฆ่าผู้ตายหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีพยานโจทก์รู้เห็นว่าผู้ใดเป็นคนยิงผู้ตาย แต่จำเลยเบิกความว่าเมื่อเห็นคนร้ายและร้องถามไปว่าใคร คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงมาทางจำเลย1 นัด จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโต้ตอบไป 1 นัด แล้วคนร้ายยิงมาที่จำเลยอีก 2 นัด ที่จำเลยยิงคนร้ายนี้จำเลยได้หมอบลงที่ขั้นบันไดล่างลักษณะของบาดแผลที่ผู้ตายตามรายงานชันสูตรพลิกศพ เอกสารหมายจ.7 มีว่า รอยกระสุนปืนเข้ากลางหลังไม่พบรอยกระสุนออก นายธาดาชัยสุทธิประภา แพทย์โรงพยาบาลโพธารามได้ผ่าตัดผู้ตายพบหัวกระสุนปืน 1 หัว การที่จำเลยยิงไปยังคนร้ายขณะกำลังเดินออกจากใต้ถุนบ้านโดยหันหลังให้จำเลยในระยะกระชั้นชิดและจำเลยมิได้นำสืบว่ากระสุนปืนที่ได้จากการผ่าตัดผู้ตายมิใช่ของจำเลยเช่นนี้ข้อเท็จจริงมีเหตุผลให้รับฟังได้ว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนของจำเลยถึงแก่ความตาย ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เห็นว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 1 นาฬิกาของวันที่ 3ธันวาคม 2527 หลังเกิดเหตุพันตำรวจโทสุขุม จันทน์หอม สารวัตรสืบสวนสอบสวนกับร้อยตำรวจเอกพิสันต์ สอนวิสัย รองสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธารามได้ร่วมกันสอบสวนนายลำพองหรือสำรวล นาคาภูมิพัฒน์ นายสุรินทร์ ตุ้มเล็ก และนายณรงค์ปุจฉาการ ไว้ตามบันทึกคำให้การของพยาน เอกสารหมาย ล.12แผ่นที่ 1 ที่ 8 และที่ 9 ซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิดใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุ นายลำพองหรือสำรวลให้การว่าได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัดนายสุรินทร์และนายณรงค์ ให้การว่าได้ยินเสียงปืนดัง 3-4 นัดและนายจิตต์ รอดคำ นายวิเชียร นิ่มจันทร์ กับเด็กชายบุญธรรมแซ่ภู พยานโจทก์เบิกความว่าได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด เมื่อจำเลยได้ยิงผู้ตายแล้ว เวลาประมาณ 6 นาฬิกา พันตำรวจโทสุขุมกับร้อยตำรวจเอกพิสันต์ได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ร้อยตำรวจเอกพิสันต์เบิกความชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า ขณะตรวจสถานที่เกิดเหตุได้สอบถามจำเลยแล้ว จำเลยแจ้งว่าได้ยินเสียงสัญญาณป้องกันขโมยดังขึ้นจึงนำอาวุธปืนสั้นลงมาดูเห็นคนร้าย 3 คน คนร้ายยิงจำเลย1 นัด จำเลยยิงสวนไป 1 นัด เมื่อจำเลยได้มอบอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้ตายให้แก่พนักงานสอบสวนนั้นก็ปรากฏว่าในลูกโม่ซึ่งบรรจุกระสุนปืนได้ 5 นัดนั้น มีกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ใช้ยิง 4 นัด กับปลอกกระสุนปืนที่ยิงแล้ว 1 ปลอก ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า ได้มีเสียงปืนดังขึ้น 3 หรือ 4 นัด แต่จำเลยได้ยิงเพียงนัดเดียวคือนัดที่ถูกผู้ตาย ส่วนเสียงปืนนัดอื่นน่าจะเป็นปืนของคนร้ายอีก 2 คน ที่มากับผู้ตายดังแจ้งและให้การต่อพันตำรวจโทสุขุมกับร้อยตำรวจเอกพิสันต์ในชั้นสอบสวนและตามที่จำเลยนำสืบไว้ การที่ผู้ตายกับพวกได้เข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยเวลาประมาณ 1 นาฬิกา ทั้งมีร่องรอยการงัดสายยูประตูห้องเก็บของซึ่งอยู่ใต้ถุนบ้านของจำเลยอันเป็นการบุกรุกโดยเจตนาที่จะลักทรัพย์ของจำเลยและจำเลยถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงก่อนในระยะใกล้ไม่มีแสงสว่างที่จะเห็นได้ชัดว่าคนร้ายอยู่บริเวณใดแม้กระสุนปืนจากคนร้ายไม่ถูกจำเลยก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าคนร้ายจะยิงซ้ำอีกหรือไม่ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางกลุ่มคนร้ายซึ่งมีผู้ตายอยู่ด้วยเพียงนัดเดียวในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายของผู้ตายกับพวกพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

(มาโนช เพียรสนอง-สีนวล คงลาภ-ประวิทย์ ขัมภรัตน์)

แหล่งที่มา

เนติบัณฑิตยสภา

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US