กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ในคำฟ้องว่า จำเลยปลอมและประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอมบัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ ปลอมหนังสืออนุญาตให้บุคคลพื้นที่สูงออกนอกเขตที่พักอาศัยอันเป็นเอกสารราชการ และประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอม ปลอมแบบพิมพ์ประวัติบุคคลบนพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ และปลอมทะเบียนบ้านของบุคคลที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรให้แก่บุคคล 1 คน โดยบรรยายฟ้องว่าเป็นการกระทำความผิดในวันที่ 23 พฤษภาคม 2547 เห็นได้ว่ากระทำความผิดในคราวเดียวกัน ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมเอกสารดังกล่าวต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใดไม่ แม้จะมีการใช้ดวงตราปลอมในเอกสาร 2 ฉบับ ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้ดวงตราปลอม 2 กรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน
________________
มาตรา 160 ความผิดหลายกระทงจะรวมในฟ้องเดียวกันก็ได้ แต่ให้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไป
(วรรค 2)ความผิดแต่ละกระทงจะถือว่าเป็นข้อหาแยกจากข้อหาอื่นก็ได้ ถ้าศาลเห็นสมควรจะสั่งให้แยกสำนวนพิจารณาความผิดกระทงใด หรือหลายกระทงต่างหาก และจะสั่งเช่นนี้ก่อนพิจารณาหรือในระหว่าง พิจารณาก็ได้


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2552

พนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย โจทก์

มูลคดีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องข้อ 1.1 ถึง ข้อ 1.4 โดยร่วมกันปลอมและประทับดวงตราปลอม และลงลายมือชื่อปลอมบัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ ปลอมหนังสืออนุญาตให้บุคคลพื้นที่สูงออกนอกเขตที่พักอาศัยหรือพื้นที่ออกบัตรเป็นการชั่วคราวอันเป็นเอกสารราชการและประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอม ปลอมแบบพิมพ์ประวัติบุคคลบนพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ และปลอมทะเบียนบ้านของบุคคลที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรให้แก่บุคคล 1 คน โดยบรรยายฟ้องว่าเป็นการกระทำความผิดในวันที่ 23 พฤษภาคม 2547 เวลากลางวัน พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมเอกสารดังกล่าวต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใดไม่ แม้จะมีการใช้ดวงตราปลอมในเอกสาร 2 ฉบับ ก็ตาม ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้ดวงตราปลอม 2 กรรม การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดกรรมเดียว

ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องข้อ 1.5 ถึง ข้อ 1.7 โดยบรรยายฟ้องในแต่ละข้อว่า ร่วมกันปลอมเอกสารข้อละประเภทเอกสารให้แก่บุคคล 3 คน ในคราวเดียวกันการปลอมเอกสารดังกล่าวเป็นการปลอมเอกสารด้วยมีเจตนาต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน ส่วนที่ในฟ้องแต่ละข้อแม้จะเป็นการปลอมเอกสารของบุคคลต่างคนรวม 3 คน ก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องรวมกันมาในข้อเดียวกัน แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเป็นกรรมเดียว ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำแต่ละข้อเป็นความผิดกรรมเดียว โจทก์ก็ไม่อุทธรณ์โต้แย้ง โจทก์จึงไม่อาจยกขึ้นฎีกาอีก
________________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 90, 251, 252, 264, 265 และริบของกลาง

จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นให้โจทก์แยกฟ้องและจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ออกจากสารบบความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการและร่วมกันใช้ดวงตราปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 252 รวม 2 กระทง ให้ลงโทษตามมาตรา 252 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามอัตราโทษในมาตรา 251 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง รวมจำคุก 10 ปี และจำเลยที่ 3 ยังมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการอีก 5 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 10 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 20 ปีจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี ริบของกลางทั้งหมด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันใช้ดวงตราปลอมและปลอมเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 252 (ที่ถูก มาตรา 252 ประกอบมาตรา 251), 265 ประกอบมาตรา 83 กระทงหนึ่ง เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ประกอบมาตรา 251 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 2 ปี และจำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการ (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบมาตรา 83) อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ 3 ตามฟ้องข้อ 1.1 ถึง ข้อ 1.4 เป็นความผิดหลายกรรมต้องเรียงกระทงลงโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและการใช้ดวงตราปลอมในเอกสาร 2 ฉบับ เป็นความผิด 2 กรรม เห็นว่า มูลคดีที่โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันปลอมและประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอมบัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ ปลอมหนังสืออนุญาตให้บุคคลพื้นที่สูงออกนอกเขตที่พักอาศัยหรือพื้นที่ออกบัตรเป็นการชั่วคราวอันเป็นเอกสารราชการ และประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอม ปลอมแบบพิมพ์ประวัติบุคคลบนพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ และปลอมทะเบียนบ้านของบุคคลที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรให้แก่บุคคล 1 คน โดยบรรยายฟ้องว่าเป็นการกระทำความผิดในวันที่ 23 พฤษภาคม 2547 เวลากลางวัน พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมเอกสารดังกล่าวต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใดไม่ แม้จะมีการใช้ดวงตราปลอมในเอกสาร 2 ฉบับ ก็ตาม ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้ดวงตราปลอม 2 กรรม การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกันดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ 3 ตามฟ้องข้อ 1.5 ถึง ข้อ 1.7 แต่ละข้อเป็นการกระทำให้แก่บุคคลถึง 3 คน คือ เป็นการปลอมเอกสารให้แก่นายใจ นายสยาม และนายใส การกระทำแต่ละข้อจึงเป็นการกระทำความผิด 3 กรรม และการกระทำแต่ละข้อเป็นความผิดต่างกรรมกันนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดในคราวเดียวกัน คือ วันที่ 28 พฤษภาคม 2547 เวลากลางวัน ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมเอกสารตามฟ้องต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน ดังวินิจฉัยมาแล้วข้างต้น ส่วนที่การกระทำในแต่ละข้อแม้จะเป็นการปลอมเอกสารของบุคคลต่างคนกันก็ตาม แต่โจทก์บรรยายรวมกันมาในข้อเดียวกัน แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเป็นกรรมเดียว ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำแต่ละข้อเป็นความผิดกรรมเดียว โจทก์ก็ไม่อุทธรณ์โต้แย้ง โจทก์จึงไม่อาจยกขึ้นฎีกาอีก ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน...
พิพากษายืน.
( เสริมศักดิ์ ผลัดธุระ - สถิตย์ ทาวุฒิ - พงษ์ศักดิ์ วีระเสถียร )
ศาลจังหวัดเชียงราย - นางสาวศศิธร พงศ์พันธุ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 - นายปรัชญา โกไศยกานนท์

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US